เลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าและดูแลรักษาอย่างไรให้เหมาะกับผู้ใช้งาน

Last updated: 7 ก.พ. 2566  |  819 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าและดูแลรักษาอย่างไรให้เหมาะกับผู้ใช้งาน

เลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าและดูแลรักษาอย่างไรให้เหมาะกับผู้ใช้งาน

เลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าอย่างไรให้เหมาะกับผู้ใช้งาน?

      สำหรับผู้ที่อาศัยร่วมกับผู้สูงอายุ ทั้งที่ดูแลตัวเองได้ สุขภาพแข็งแรง แต่ต้องการตัวช่วยทุ่นแรงในการเดินทางออกไปข้างนอกหรือไปเที่ยว หรือผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถพึ่งพาต้นเองได้ การมองหารถเข็นไฟฟ้าและรถเข็นผู้ป่วยไฟฟ้าจึงมีความจำเป็นอย่างมากทีเดียว ซึ่งรถเข็นไฟฟ้ามีความสะดวกสบายในการใช้งานและช่วยผ่อนแรงในการดูแล การทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ดี ยิ่งหากคุณต้องการเลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้า หรือรถเข็นผู้ป่วยไฟฟ้าเพื่อผู้สูงอายุที่บ้าน เช่น คุณตาคุณยาย พ่อ-แม่ ก็ต้องอยากเลือกคุณภาพดี จ่ายครั้งเดียวจบ และมีฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์กับเรารวมถึงดูแลตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้นลองมาดูวิธีเลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าให้เหมาะกับความต้องการกัน

 

เลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าอย่างไรให้เหมาะกับผู้ใช้งาน?

      แน่นอนว่าการเลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าหรือวีลแชร์ไฟฟ้าตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงต่อการซื้อ จึง ควรทำความเข้าใจและมีความรอบคอบในการเลือกซื้อ หลักๆ ใช้งานกับผู้สูงอายุเพื่อช่วยในเรื่องการพยุงตัว แบกรับน้ำหนักได้ดีเมื่อต้องการพาออกไปเที่ยวหรือไปเดินเล่นข้างนอก รวมถึงกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว กระดูก ที่ไม่สามารถเดินหรือยืนเป็นเวลานานได้ และผู้พิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รถเข็นผู้ป่วยไฟฟ้าจึงค่อนข้างสะดวกในแต่ละวัน เพราะหากต้องเลือกรถเข็นที่ต้องใช้แรงคนปกติที่มีล้อใหญ่ จะเหมาะกับผู้ป่วยที่พอดูแลตัวเองได้หรือมีกำลังแขนที่มากพอในการพาตัวเองเคลื่อนที่ทิศทางต่างๆ นั่นเอง

 

เกณฑ์ในการเลือกซื้อรถเข็นพิจารณาได้ดังนี้

  1. ประเมินจากความเหมาะสมของผู้ใช้งาน เริ่มจากจุดประสงค์ในการซื้อว่า เราต้องการใช้กับผู้สูงอายุทั่วไปหรือกับผู้ป่วยที่ต้องการช่วยเหลือเฉพาะด้าน ขนาดที่เหมาะสมจะทำให้ผู้ใช้งานนั่งสบาย รองรับสรีระได้ดีเมื่อต้องนั่งนานๆ เช่น ควรเว้นที่ว่างด้านข้างของที่นั่งให้เหลือด้านละ 1 นิ้วเพื่อไม่ให้อึดอัดเกินไป การนั่งที่สบายและใช้งานได้ถนัดยังช่วยลดการเกิดแผลกดทับเมื่อต้องนั่งรถเข็นไฟฟ้าท่าเดิมเป็นเวลานานด้วย น้ำหนักตัวของผู้ใช้งานก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งโดยทั่วไปจะรองรับได้ที่ 100-180 กิโลกรัม จึงต้องเลือกให้เหมาะกับผู้ใช้งาน

  2. วัสดุและโครงสร้างของรถเข็นไฟฟ้า  รถเข็นไฟฟ้าหรือรถเข็นผู้ป่วยไฟฟ้าในท้องตลาดส่วนใหญ่มีโครงสร้างที่ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมหรือเหล็ก ซึ่งวัสดุแบบอลูมิเนียมจะได้รับความนิยมมากกว่าเหล็กเพราะยิ่งใช้นานก็ยังไม่เกิดสนิท ยืดอายุการใช้งานได้นานกว่าแบบอื่นๆ รวมถึงน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่ายเมื่อต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆ หรือพื้นที่ต่างจังหวัด การดูแลรักษาก็ง่ายเช่นกัน ซึ่งรถเข็นไฟฟ้าแบบพับได้จะทำให้สะดวกเมื่อต้องเดินทางบ่อยๆ แต่หากใครที่ผู้สูงอายุเน้นอยู่ที่บ้านไม่ค่อยเดินทางไปไหนก็ไม่จำเป็นต้องซื้อแบบพับได้

  3. อุปกรณ์และชิ้นส่วนของรถเข็นไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน การพาผู้สูงอายุเดินทางจะต้องนั่งสบายและอุปกรณ์ซัพพอร์ตร่างกายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ควรเลือกแบบ brushless เนื่องจากเครื่องไม่ร้อนเร็วหากมีการใช้งานเวลานานๆ ทำให้มีอายุการใช้งานยาว แข็งแรงทนทานกว่า รวมถึงแบตเตอรี่ควรเลือกแบบแบตลิเธียม เพราะน้ำหนักเบา ใช้ได้นาน อีกทั้งเมื่อต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือไปต่างประเทศก็สามารถพกขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางได้ ที่พักแขนของรถเข็นไฟฟ้าควรเปิดข้างได้ เพราะการเคลื่อนไหวผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยจะทได้สะดวกมากขึ้น ที่พักเท้าเช่นกันควรซัพพอร์ตในการนั่งและสามารถเก็บออกข้างได้ ในส่วนของล้อรถเข็นควรเลือกเป็นล้อยางตันเพราะช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องคอยเติมลมเมื่อยางแบนหรือยางอ่อน ดูแลรักษาง่าย

  4. ทดสอบการใชงานด้วยตัวบุคคลเอง หลังจากศึกษาหาข้อมูลรถเข็นไฟฟ้าและรถเข็นผู้ป่วยไฟฟ้า ควรทดลองใช้รถเข็นไฟฟ้าว่ามีการบังคับที่ลื่นไหลไม่มีปัญหาการใช้งานติดขัดใช่หรือไม่ รวมถึงน้ำหนักของรถเข็นไฟฟ้าที่ไม่ควรหนักเกินไปหากต้องมีการเคลื่อนย้ายเดินทางเป็นประจำ เพื่อความสะดวกในการเดินทางทั้งตอนพับเก็บและกางใช้งานในชีวิตประจำวัน

  5. งบประมาณและการบริการหลังการขาย ตัวชี้วัดนอกจากฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องการแล้ว คงเป็นเรื่องบประมาณที่ตรงตามที่คิดไว้และได้คุณภาพที่ดีพร้อมราคาที่เหมาะสม โดยอาจลิสต์เป็นข้อถึงความต้องการว่าเป็นรถเข็นไฟฟ้าใช้งานง่ายๆ ในการพาพ่อแม่เดินทางไปเที่ยวทั้งครอบครัว หรือต้องการรถเข็นผู้ผู้ป่วยไฟฟ้าที่ช่วยทุ่นแรงและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

ด้วยราคาและคุณภาพ การซื้อครั้งหนึ่งจะต้องใช้ต่อในระยะยาว ดังนั้นบริการหลังการขายและการรับประกันจึงควรคำนึงทุกครั้งที่ต้องประเมินก่อนเลือกซื้อ ว่าเมื่อใช้งานแล้วรถเข็นไฟฟ้ามีปัญหา สามารถหาอะไหล่และซ่อมได้ที่ไหน มีระยะเวลาประกันนานเท่าไหร่ เป็นต้น

 

การดูแลรักษารถเข็นไฟฟ้าให้ใช้งานได้นาน?

      ถึงแม้รถเข็นไฟฟ้าจะมีประกันและบริการหลังการขายที่ช่วยเหลือหากสินค้าชำรุด เสียหายและมีปัญหา แต่เพื่อการใช้งานระยะยาวจึงควรดูแลรักษาให้ถูกวิธีเพื่อที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาด้วย ซึ่งมีวิธีดูแลง่ายๆ ดังนี้
  1. แบตเตอรี่ที่ใช้งานควรใช้บ่อยๆ ไม่แนะนำให้จอดรถเข็นไฟฟ้าทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน และห้ามปล่อยแบตให้หมดระหว่างวันเพราะอาจทำให้ย่นระยะเวลาการช้งาน และชาร์ตแบตเตอรี่ตามขีดจำกัดการใช้งาน แนะนำให้ชาร์ตเมื่อมีไฟสีส้มไปจนถึงสีแดง 2 จุด และรอจนกว่าแบตจะเต็ม ซึ่งจะมีเวลาการใช้งานที่นานพอสมควร จึงไม่จำเป็นต้องชาร์ตบ่อยๆ แต่ควรชาร์ตไฟอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง การไม่ใช้งานนานๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้

  2. ดูแลอุปกรณ์ควบคุมทิศทาง ด้วยความที่แผงควบคุมหรือ joystick เป็นไฟฟ้า การดูแลรักษาง่ายๆ คือหลีกเลี่ยงการโดนน้ำหรือเลี่ยงการใช้งานเมื่อฝนตก และไม่ควรใช้งานหากมีความชื้นหรือใช้ในขณะที่เปียก เป็นต้น และในส่วนของมอเตอร์ที่ควบคุมรถเข็นไฟฟ้าก็หลีกเลี่ยงการใช้งานหนัก และเปลี่ยนโหมดการทำงานก่อนใช้งาน เช่นจะเลือกเป็นแบบไฟฟ้าหรือ manual

  3. การดูแลรักษาเบาะรองนั่ง ควรทำความสะอาดโดยถอดออกมาได้และแช่น้ำ ซักด้วยผงซักฟอกให้สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสปรกที่เกิดขึ้น คำแนะนำคือไม่ควรใช้แปรงขัดเพราะอาจทำให้เบาะเป็นขุยได้

  4. ล้อรถเข็น อย่างที่บอกว่าหากเป็นล้อยางตันจะทำให้ดูแลรักษาง่ายกว่า ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นยางเติมลมหรือยางตันก็ควรดูแลอย่างสม่ำเสมอ เช่น ล้อยางตันควรเลี่ยงการใช้งานบนพื้นที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน รวมถึงพื้นที่ขรุขระ ของแข็ง มีคมที่ทำให้ล้อเสื่อม ส่วนล้อเติมลมควรเช็กสภาพล้อบ่อยกว่า สัปดาห์ละ 1 ครั้งว่ามีความผิดปกติหรือรอยรั่วหรือไม่

 

      เพียงเท่านี้ก็สามารถเลือกซื้อรถเข็นไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานและเหมาะกับผู้ใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาระยะยาวเพื่อให้รถเข็นผู้ป่วยไฟฟ้ามีการใช้งานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด และหากต้องการมองหารถเข็นไฟฟ้าที่มีคุณภาพ Alder Drive เป็นศูนย์รวมรถเข็นไฟฟ้า วีลแชร์ไฟฟ้าอันดับ 1 ในไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ดังกล่าว รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องมือเกี่ยวกับการแพทย์ คุณภาพเกินมาตรฐาน บริการเหมาะสม พร้อมการขนส่งฟรีทั่วไทย ช่วยประหยัดเวลาได้อีกมาก

 

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Email : sale.adlerdrive@gmail.com
Tel :  061-712-3773
Line: https://page.line.me/adlerdrive

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้