อัปเดต !! รถเข็นไฟฟ้า 3 รุ่น Top มีติดบ้านอุ่นใจแน่นอน

Last updated: 20 ส.ค. 2567  |  132 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ปกบทความ

           ในปัจจุบันรถเข็นวีลแชร์ไฟฟ้ามีหลากหลายแบบหลายดีไซน์ คุณภาพก็แตกต่างกันออกไป ทาง Adler Drive ขอพามารู้จักกับรถเข็นวีลแชร์เกรด "High Quality" คือรถเข็นวีลแชร์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งได้รับการออกแบบและผลิตด้วยวัสดุและเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่ามีความทนทาน ความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ใช้งาน

          โดยทาง Adler Drive มีรถเข็นเกรด High Quality ให้เลือกอย่างหลากหลาย แต่ในวันนี้ขอแนะนำ 3 ตัวสุด Top ได้แก่ Flex Pro , Ultra Comfort และ Ultra Light Pro

คุณสมบัติรถเข็นไฟฟ้า รุ่น Flex Pro

1. การรองรับน้ำหนัก

  • รับน้ำหนักได้สุงสุด 150 กิโลกรัม

2. วัสดุและการผลิต

  • โครงรถเข็นผลิตจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแรงสูง เกรดอากาศยาน ซึ่งทำให้รถเข็นมีน้ำหนักเบาและทนทานต่อการใช้งาน
  • เบาะทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดีและมีการรองรับแรงกดทับที่ดี ดีไซน์ให้รองรับการนั่งตามศรีรศาสตร์
  • มอเตอร์ชนิดไร้แปรงถ่าน (Brushless motor) ทนทานน้ำหนักเบา อายุการใช้งานนาน
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน อึดทนทาน 2 ก้อน คุณภาพสูง ชาร์จแบบ Off-board ได้อย่างรวดเร็ว

3. ความสะดวกในการเคลื่อนที่

  • มีล้อที่ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนที่ ที่ราบรื่นบนพื้นผิวที่หลากหลาย และมีระบบโช้คกันสะเทือนที่ดี
  • ควบคุมด้วย Smart Remote control รีโมทควบคุม (Reliable Brushless Controller) ที่สามารถตั้งระดับความเร็ว 5 ระดับ ,ปุ่มแตรหรือเสียงเตือน และการควบคุมทิศทางได้ 360 องศา แบบ Joy stick

4. ฟังก์ชันการใช้งาน

  • สามารถพับเก็บได้ใน 3 ขั้นตอน ระบบการพับเก็บสะดวกสำหรับการจัดเก็บและการพกพา
  • ด้านล่างของรถเข็นมาพร้อมกับตะกร้า มีพื้นที่ที่สามารถเก็บของได้ สะดวกในการเดินทาง
  • พนักวางแขนพับขึ้นลงได้สะดวก
  • สามารถเปลี่ยนตำแหน่งติดตั้ง Joy stick ได้ทั้งข้างซ้ายและขวา
  • มีสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงรอบตัวรถเข็น สามารถใช้งานได้ในตอนกลางคืน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

5. ความปลอดภัยและความทนทาน

  • ระบบเบรกแบบแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic braking system) ทำให้การหยุดของล้อได้ทันที ไม่กระตุกหรือไม่กระชาก มีระบบเบรกที่ปลอดภัยและสามารถควบคุมได้ง่าย
  • ออกแบบให้บำรุงรักษาได้ง่าย เช่น การทำความสะอาดและการเปลี่ยนชิ้นส่วน

6. การออกแบบ

  • ดีไซน์ล้อแม็กทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อความต้องการทางการแพทย์และการใช้งานทั่วไป

คุณสมบัติรถเข็นไฟฟ้ารุ่น Ultra Comfort

1. การรองรับน้ำหนัก

  • รองรับน้ำหนักสูงสุดได้ 150 กิโลกรัม

2. ความสะดวกสบาย

  • เบาะมีวัสดุที่รองรับแรงกดทับได้ดี และช่วยให้ความสะดวกสบาย
    พับเก็บได้อย่างง่ายโดยไม่ต้องถอดอุปกรณ์ ขนาดพับเหมาะกับการจัดเก็บได้อย่างสะดวก

3. การปรับแต่งและฟังก์ชันพิเศษ

  • สามารถปรับพนักวางแขนขึ้นลงได้เพื่อให้มีความสะดวกสบายในการเข้าออกรถเข็น
  • ด้านล่างของรถเข็นมาพร้อมกับตะกร้า ที่สามารถเก็บของได้ สะดวกในการเดินทาง
  • มีสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงรอบตัวรถเข็น เพื่อการใช้งานในตอนกลางคืน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

4. วัสดุและการผลิต

  • โครงรถเข็นผลิตจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแข็งแรง เกรดอากาศยาน ซึ่งทำให้รถเข็นมีน้ำหนักเบาและทนทานต่อการใช้งาน
  • ใช้วัสดุที่ช่วยระบายอากาศได้ดี และง่ายต่อการทำความสะอาด
  • มอเตอร์ชนิดไร้แปรงถ่าน (Brushless motor) ทนทานน้ำหนักเบา อายุการใช้งานนาน
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน อึดทนทาน คุณภาพสูง ชาร์จแบบ Off-board ได้

5. ความปลอดภัยและความทนทาน

  • ระบบเบรกแบบแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic braking system) ทำให้การหยุดของล้อได้ทันที ไม่กระตุกหรือไม่กระชาก ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ง่าย
  • ออกแบบให้ทนทานต่อการใช้งานหนักและลดการสึกหลอ
    6. ความสะดวกในการใช้งาน
  • สามารถพับเก็บได้ใน 3 ขั้นตอน เพื่อให้ทำการขนย้ายรถเข็นได้ง่าย ระบบการพับเก็บง่ายดายช่วยให้สะดวกในการจัดเก็บและพกพา
  • ออกแบบให้ทำความสะอาดและบำรุงรักษาได้ง่าย

7. ความสะดวกในการเคลื่อนที่

  • ล้อออกแบบรังผึ้งดูดซับแรงกระแทก เพื่อการเคลื่อนที่ราบรื่นและระบบกันสะเทือนที่ช่วยลดแรงกระแทกจากพื้นผิวที่ไม่เรียบ
  • Smart Remote control รีโมทควบคุม (Reliable Brushless Controller) ที่สามารถตั้งระดับความเร็ว 5 ระดับ ปุ่มแตรหรือเสียงเตือน และการควบคุมทิศทางได้ 360 องศาแบบ Joy stick

คุณสมบัติรถเข็นไฟฟ้า Ultra Light Pro

1. การรองรับน้ำหนัก
  • รองรับน้ำหนักได้สูงสุด 180 กิโลกรัม

2. น้ำหนักเบาและการพกพา

  • โครงรถเข็นผลิตจากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแข็งแรง ซึ่งทำให้รถเข็นมีน้ำหนักเบาและทนทานต่อการใช้งาน
  • มีฟังก์ชันการพับเก็บที่สะดวก ทำให้สามารถจัดเก็บและพกพาได้ง่าย เช่น พับเก็บได้อย่างรวดเร็วและมีขนาดกะทัดรัด
  • พกพาขึ้นเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมถอดได้สะดวก

3. การควบคุมไฟฟ้าและฟังก์ชันการใช้งาน

  • ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูง รวมถึงมอเตอร์ที่ทรงพลังซึ่งช่วยให้เคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น ทำงานด้วย Brushless Motor ขนาด 180 วัตต์ ที่ไม่มีการเสียดสีจากการทำงานของมอเตอร์ ปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงของการเกิดประกายไฟ น้ำหนักเบา ขนาดเล็ก
  • มีระบบควบคุมที่ใช้งานง่าย Smart Remote control รีโมทควบคุม (Reliable Brushless Controller) ที่สามารถตั้งระดับความเร็ว 5 ระดับ ,ปุ่มแตรหรือเสียงเตือน และการควบคุมทิศทางได้ 360 องศาแบบ Joy stick

4. ความสะดวกสบาย

  • เบาะที่นั่งออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย ทำจากวัสดุที่รองรับแรงกดทับได้ดีและระบายอากาศได้
  • สามารถพับเก็บง่ายโดยไม่ต้องถอดอุปกรณ์
  • พับเก็บรถเข็นได้ขนาดเล็กใส่ท้ายรถได้อย่างสะดวก

5. ความปลอดภัยและความทนทาน

  • มีระบบเบรกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เช่น เบรกมือที่ใช้งานง่ายและระบบเบรกไฟฟ้าที่ตอบสนองได้ดี
  • โครงสร้างแข็งแรงและวัสดุทนทานต่อการใช้งานหนัก

6. การเคลื่อนที่และการใช้งาน

  • ล้อแม็กออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนที่ที่ราบรื่นบนพื้นผิวที่หลากหลาย รวมถึงระบบกันสะเทือนที่ช่วยลดแรงกระแทก
  • มีความเร็วและระยะทางที่สามารถปรับได้ตามความต้องการของผู้ใช้

7. การบำรุงรักษาและบริการหลังการขาย

  • ออกแบบให้การบำรุงรักษาง่าย เช่น การทำความสะอาดและการตรวจสอบระบบไฟฟ้า
  • มีการรับประกันที่ครอบคลุมและบริการหลังการขายที่ดี

8. อุปกรณ์เสริมและฟังก์ชันพิเศษ

  • ด้านล่างของรถเข็นมาพร้อมกับตะกร้า ที่สามารถเก็บของได้ สะดวกในการเดินทาง
  • มีสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงรอบตัวรถเข็น เพื่อการใช้งานในตอนกลางคืน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

 

ตารางเปรียบเทียบรถเข็นไฟฟ้า 3 รุ่น

ตารางเปรียบเทียบสเปค



อลูมิเนียมเกรดอากาศยาน คืออะไร

          อลูมิเนียมเกรดอากาศยาน (Aerospace Grade Aluminum) เป็นอลูมิเนียมที่ได้รับการออกแบบและผลิตตามมาตรฐานพิเศษเพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ซึ่งต้องการวัสดุที่มีคุณสมบัติทางกลศาสตร์และความทนทานสูง มักจะใช้ในส่วนประกอบของเครื่องบิน ดาวเทียม และยานอวกาศ เพราะความแข็งแรงต่อสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น ความเครียดจากแรงดันสูงและอุณหภูมิที่หลากหลาย

คุณสมบัติอลูมิเนียมเกรดอากาศยาน

1. ความแข็งแรงและน้ำหนักเบา

2. ความทนทานต่อการกัดกร่อน

3. ความสามารถในการทนต่อแรงดันและอุณหภูมิ

4. การประมวลผลและการเชื่อม

 

หลักการเลือกวีลแชร์ที่มีคุณภาพสูง

1. การประเมินความต้องการของผู้ใช้

          เลือกประเภทที่เหมาะแก่ความต้องการพิจารณาว่าผู้ใช้จะใช้งานในบ้านหรือภายนอกมากน้อยเพียงใด เพื่อช่วยในการเลือกที่วัสดุ และประเภทที่เหมาะสมแก่การใช้งาน

2. ความสะดวกสบายและการปรับแต่ง

          ตรวจสอบว่าที่นั่งมีความสะดวกสบายและสามารถปรับแต่งได้เพื่อให้รองรับร่างกายได้ดี ลดแรงกดทับ และช่วยในการป้องกันแผลกดทับ วีลแชร์ที่ดีควรมีฟังก์ชันในการปรับที่นั่ง พนักพิง และขาที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย

3. วัสดุและความทนทาน

          วัสดุที่ใช้ในการผลิตวีลแชร์ควรมีคุณภาพสูง เช่น อลูมิเนียม, คาร์บอนไฟเบอร์ หรือวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งาน ตรวจสอบว่าโครงสร้างและล้อมีความแข็งแรงและทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี

4. ระบบล้อและการเคลื่อนที่

        เลือกล้อที่เหมาะสมกับประเภทพื้นผิวที่ใช้ เช่น ล้อขนาดใหญ่สำหรับการใช้งานในพื้นที่ขรุขระ หรือล้อเล็กสำหรับการเคลื่อนที่ในพื้นที่เรียบ ระบบล้อและเบรกควรมีความไวและปลอดภัย ช่วยให้การเคลื่อนที่และการหยุดทำได้สะดวก

5. ฟังก์ชันพิเศษและอุปกรณ์เสริม

           วีลแชร์ที่มีคุณภาพสูงมักมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น ระบบปรับท่าทาง, ระบบกันสะเทือน, หรือระบบควบคุมไฟฟ้า ตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มความสะดวก เช่น ที่วางขา, ที่วางแขน, และกระเป๋า

6. การออกแบบและความสะดวกในการใช้งาน

          สำหรับวีลแชร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือการเดินทาง ควรมีการออกแบบที่สามารถพับเก็บและพกพาได้ง่าย คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน เช่น การเปิดและปิด, การเปลี่ยนท่าทาง, และการบำรุงรักษา

7. การรับประกันและบริการหลังการขาย

          ตรวจสอบว่าวีลแชร์มีการรับประกันสินค้าที่เหมาะสม รวมถึงการบริการซ่อมบำรุง เลือกผู้ขายหรือผู้ผลิตที่มีบริการหลังการขายที่ดีและสามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้

8. งบประมาณ

          คำนึงถึงงบประมาณที่คุณมี แต่ควรเน้นที่คุณภาพและความเหมาะสมมากกว่าราคาถูก เนื่องจากวีลแชร์เป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับความสะดวกสบายและสุขภาพ

 

วีลแชร์ที่มีคุณภาพสูงมีประโยชน์อย่างไร

1. ความสะดวกสบายและการสนับสนุน

          วีลแชร์คุณภาพสูงมักมีเบาะนั่งที่ออกแบบมาให้รองรับร่างกายอย่างเหมาะสม ลดแรงกดทับ และช่วยให้การนั่งสบายยิ่งขึ้น สามารถปรับความสูงของที่นั่ง มุมของพนักพิง และการรองรับต่างๆ ได้อย่างละเอียด เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและความสบายของผู้ใช้

2. ความทนทานและความปลอดภัย

          วีลแชร์ที่มีคุณภาพสูงใช้วัสดุที่ทนทานและเบา เช่น อลูมิเนียมเกรดสูงหรือคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้มีความทนทานต่อการใช้งานหนักและมีอายุการใช้งานยาวนาน การออกแบบมักรวมถึงระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพ, พื้นผิวที่ไม่ลื่น, และโครงสร้างที่เสริมความแข็งแรงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

3. การเคลื่อนที่และการควบคุม

          วีลแชร์ที่มีคุณภาพสูงมักมีล้อที่ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนที่ที่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นล้อหน้า, ล้อหลัง หรือระบบกันสะเทือน สามารถควบคุมได้ง่ายด้วยการออกแบบที่เหมาะสม เช่น คันโยกที่เป็นมิตรกับการใช้งาน

4. การสนับสนุนทางการแพทย์

          วีลแชร์ที่มีคุณภาพสูงสามารถช่วยในการฟื้นฟูร่างกายและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการนั่งในตำแหน่งเดิมเป็นเวลานาน มีฟังก์ชันที่ช่วยในการดูแลสุขภาพ เช่น ระบบช่วยเปลี่ยนท่าทาง, การลดแรงกดทับ และการปรับตำแหน่งที่นั่ง

5. ความสะดวกในการใช้งาน

          วีลแชร์คุณภาพสูงมักมีระบบการพับเก็บที่ง่ายดาย ทำให้สะดวกในการพกพาและเก็บรักษา มักมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น เช่น ที่วางขา ที่วางแขน และกระเป๋า

6. ประโยชน์ทางด้านสังคม

          วีลแชร์ที่ออกแบบอย่างดีช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจและสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ การมีวีลแชร์ที่สะดวกและสบายช่วยให้ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและกิจกรรมประจำวันได้มากขึ้น

 

 

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Email : sale.adlerdrive@gmail.com
Tel :  061-712-3773
Line: https://page.line.me/adlerdrive

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้